MSTMED

ข่าว และ บทความ


ทำความรู้จัก BMAT

10 มีนาคม 2566 Panjawo MST 0 แนะนำคอร์สเรียน

BMAT คืออะไร? ทำความรู้จัก BMAT อีกหนึ่งโอกาสในการเป็นหมอ

BioMedical Admission Test หรือ BMAT คือ ข้อสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์, สัตวแพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ จัดทำโดย Cambridge Assessment แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งสถาบันชั้นนำในประเทศไทยเริ่มเปิดรับคะแนน BMAT เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา  

 

รูปแบบข้อสอบ BMAT

ข้อสอบ BMAT แบ่งออกเป็น 3 parts คือ

  1. Thinking skills ใน Part นี้จะเป็นข้อสอบปรนัย 32 ข้อ ใช้เวลา 60 นาที โดยเป็นข้อสอบแนว problem solving (หรือที่เรียกกันว่า Aptitude) จำนวน 16 ข้อ และเป็นข้อสอบแนว critical thinking (หรือที่เรียกกันว่า Critical analysis) จำนวน 16 ข้อ
  2. Scientific Knowledge and Applications เป็นข้อสอบปรนัย 27 ข้อ ใช้เวลา 30 นาที โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุมวิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และคณิตศาสตร์
  3. Writing Task เป็นการเขียนตอบคำถาม 1 ข้อ โดยเลือกจาก 3 ข้อที่ข้อสอบให้มา ข้อสอบ Part นี้ ใช้เวลา 30 นาที วัดความสามารถในการเลือกพัฒนา หรือ จัดการความคิดและสื่อสารด้วยการเขียนอย่างชัดเจน และเกิดประสิทธิภาพ

การคิดคะแนน BMAT

  • ส่วนที่ 1 – 2 คะแนนเต็ม 9.0

แต่ละข้อมี 1 คะแนน  มีการแบ่งเกณฑ์การให้คะแนนออกเป็นสเกล 1-9 โดยส่วนใหญ่คะแนนจะอยู่ที่ 5.0 หากมีความชำนาญสูงขึ้นคะแนนจะอยู่ที่ 6.0 และ น้อยคนที่จะได้ถึง 7.0 ขึ้นไป

  • ส่วนที่ 3 จะมีผู้ตรวจ 2 คน

ผู้ตรวจจะให้คะแนน 2 แบบ ส่วนแรกจะเป็นการให้คะแนนด้านเนื้อหา ซึ่งมีเกณฑ์คะแนนอยู่ที่ 0-5 และส่วนที่ 2 จะให้คะแนนด้านการใช้ภาษาอังกฤษ โดยแบ่งเป็นเกณฑ์ A, C, E

การให้คะแนนด้านเนื้อหา (มี 1-5 คะแนน)

  • 1คะแนน หมายถึง เป็นการเขียนด้วยเนื้อหาที่พอรับได้ แต่ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม อาจมีความลังเลหรือไม่ชัดเจน
  • 2คะแนน หมายถึง เป็นการเขียนที่ค่อนข้างตรงประเด็น แต่อาจมีบางคำหรือบางจุดที่ไม่ชัดเจน
  • 3คะแนน หมายถึง การเขียนแสดงการตอบคำถามได้พอใช้ตรงกับทุกมุมมองของคำถาม มีการสร้างเหตุผลโต้แย้ง แต่อาจมีจุดบกพร่องด้านการเชื่อมโยงความคิดหรือจุดที่มองข้ามไป
  • 4คะแนน หมายถึง การเขียนที่มีข้อบกพร่องน้อย ตรงประเด็นทุกมุมมอง มีการใช้สำนวนการโต้แย้งได้ดี ใช้โครงสร้างประโยคแสดงออกถึงความคิดได้อย่างมีเหตุผล
  • 5คะแนน หมายถึง การเขียนได้ดีเยี่ยมชัดเจนไร้จุดบกพร่อง ตอบตรงประเด็นทุกมุมมอง มีการใช้โครงสร้างประโยคแสดงออกถึงความคิดได้ดีเยี่ยม ชัดเจน โน้มน้าวได้ดี มีจุดกว้างแคบความคิด สังเคราะห์ข้อมูลหรือสรุปได้ดี

เกณฑ์การให้คะแนนด้านการใช้ภาษาอังกฤษ

  • BandA หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษได้ดี โดยดูจากการอ่านได้ลื่นไหล, โครงสร้างประโยคดี, เลือกใช้ศัพท์ดี, ไวยากรณ์ใช้ถูกต้องและเหมาะสม, การสะกดคำและเครื่องหมายวรรคตอนดี, มีข้อผิดพลาดน้อย
  • BandC หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษได้พอใช้ อาจมีจุดอ่อนด้านประสิทธิภาพการใช้ภาษาอังกฤษ โดยดูจาก อ่านได้พอลื่นไหล ไม่อ่านยาก, มีการใช้โครงสร้างประโยคง่ายๆ, ใช้ศัพท์ระดับกลาง ไม่ง่ายเกินไป, ใช้ไวยากรณ์ได้เหมาะสม, สะกดคำและใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้พอใช้, มีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง
  • BandE หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษค่อนข้างอ่อน โดยดูจาก การทำให้ต้องอ่านหลายรอบถึงจะเข้าใจ, มีจุดบกพร่องในประโยคหรือย่อหน้า, มีการใช้ศัพท์ง่ายๆบ่อย, ใช้ไวยากรณ์ผิด, มีจุดบกพร่องด้านการสะกดคำและเครื่องหมายวรรคตอน รวมไปถึงจุดบกพร่องที่เห็นได้ใช้

“เกณฑ์การให้คะแนน จะแบ่งเป็น A, B, C, D, E ”

หากกรรมการ 2 คน ให้คะแนน AA = A, AC=B, CC=C, CE=D, EE=E

โดยส่วนใหญ่คะแนนด้านเนื้อหา เต็ม 5.0 จะได้ 3.0, 3.5, 2.5, 2.0 และ 4.0  และภาษาอังกฤษจะได้ A, B, C, D, E ตามลำดับ


การลงทะเบียนสอบ BMAT


สนใจสมัครเรียนคอร์ส BMAT

ทักแชทได้เลย

#bmat, #bmatคืออะไร, #กสพท, #แพทย์, #เภสัช, #ทันตะ, #สอบเข้าแพทย์, #รับตรง66, #66, #tcas, #ติวเข้าแพทย์, #ติวเข้าเภสัช, #ติวเข้าทันตะ, #BMAT

 

ที่เกี่ยวข้อง ข่าว

ยังไม่มีความคิดเห็น คุณเป็นคนแรกที่แสดงความเห็น